โรคซึมเศร้า... มันเป็นอย่างไร ใครไม่เจอกับตัว ไม่มีทางรู้


ในช่วงที่ผ่านมาไม่นานนี้ มีโอกาสได้ยินเรื่องโรคซึมเศร้าจากคนรอบข้าง มากขึ้นเรื่อย ๆ

แล้วโรคซึมเศร้ามันเป็นอย่างไร คุณล่ะ... เป็นไหม

เคยอ่านจากบทความต่าง ๆ แต่ไม่เคยได้ยินจากคนรอบข้าง ถึงได้ยินก็ไม่เข้าใจ หรือใคร ๆ เขาก็ไม่เอามาเล่าให้ฟัง เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัว หรือมันแสดงออกถึงความพ่ายแพ้และความอ่อนแอของตัวเอง?

งั้นจะขออนุญาตเล่าจากประสบการณ์ของตัวเองก่อน...

เมื่อต้นปีที่เพิ่งจะผ่านมา ได้มีโอกาสเข้าคอร์สทำเด็กหลอดแก้วกับทางโรงพยาบาลจุฬาฯ

ขั้นตอนการทำเด็กหลอดแก้วนั้น จะต้องมีการฉีดฮอร์โมนกระตุ้นไข่ทุกวัน โดยใช้ฮอร์โมนปริมาณมากกว่าคนอื่น ๆ เพราะอายุมากแล้ว และมีประวัติการกระตุ้นไข่แล้วได้น้อย เพื่อจะให้มีการผลิตไข่ในเดือนนี้เป็นปริมาณมาก และแพทย์จะทำการดมยาสลบเพื่อเก็บไข่ทั้งหมดออกมาผสมข้างนอก เหมือนเป็นการผ่าตัดใหญ่

เมื่อผสมไข่ได้ตัวอ่อน ก็ทำการฉีดกลับเข้าไปในร่างกาย ซึ่งช่วงนี้จะต้องนอนพักนิ่ง ๆ สัก 2 วัน แต่สามีขอร้องให้อยู่เฉย ๆ เป็นเวลา 10 วัน

จากคนที่ (ทำตัว) ยุ่งตลอดเวลา มาเป็นคนที่ต้องนอนเฉย ๆ

.... มันก็เริ่ม "ขี้เกียจ"

ลูกค้าเริ่มทวงงาน ก็ทำส่ง ๆ ไปโดยที่ไม่ได้อยากจะทำเลย (ธุรกิจของตัวเองแท้ ๆ)

ปรากฏว่าท้อง!!!

แต่ไม่ได้เตรียมใจว่าจะติดเร็วขนาดนี้... คนอื่นทำตั้งหลายครั้ง ก็ยังไม่ติดสักที มันไม่ได้ง่ายนะ :S

ต้องเปลี่ยนวิธีการดำเนินชีวิตตัวเอง จากที่เดินฉับ ๆ ก็ต้องค่อย ๆ เดิน ต้องคอยระวังตัวในทุกเรื่อง เพราะคนที่ต้องทำเด็กหลอดแก้ว แปลว่าติดลูกยาก มีโอกาสแท้งได้ง่ายกว่าคนปกติ

ประคบประหงมอยู่ได้ประมาณ 6 สัปดาห์ ก็เริ่มรู้ว่าตัวเองกำลังจะแท้ง

อีก 1 สัปดาห์ต่อมา ก็แท้งออกมา...

ก็ไม่ได้เศร้ามาก... เพราะไม่ได้คาดหวังอะไรทั้งหมดทั้งมวลตั้งแต่แรกอยู่แล้ว... นั่นคือความคิดปลอบใจตัวเองในตอนนั้น

เมื่อแท้งแล้ว ฮอร์โมนในร่างกายก็ยังไม่ปกติ รอบเดือนมาเร็วกว่าปกติตลอดเวลา อารมณ์หงุดหงิดง่าย อะไรนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ทะเลาะกับสามี

งานกองพะเนิน ทำอะไรก็ไม่เสร็จสักอย่าง พอจะเริ่มทำ ก็รู้สึกว่ามันยาก ใช้เวลานานกว่าจะเสร็จ แต่ละงานก็ยากไปหมด ไม่รู้จะทำอันไหนก่อน

สรุป... ก็เลยไม่ทำสักอย่าง ทำไม่ลง ยากไปหมด ยังไงก็ไม่เสร็จ ทำยังไงก็ไม่มีทางทัน... ไม่อยากทำ!

.... แล้วก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองแย่มาก ไม่มีคุณค่า ห่วย ไร้ความรับผิดชอบ สุดยอดแห่งความขี้เกียจ ไม่เอาไหนเลย ทำอะไรก็แย่ไปหมด

เริ่มปลีกตัวจากสังคมอย่างหนัก อยู่ตัวคนเดียว ไม่อยากปฏิสัมพันธ์กับใคร ไม่เอาใครเลย ไม่เอาอะไรเลย แย่ ๆ ๆ มันแย่ไปหมด

จนมีวันหนึ่งทะเลาะกับสามี ร้องไห้มาก ตัดพ้อความบัดซบของชีวิตตัวเองให้สามีฟัง

โชคดีที่สามีให้กำลังใจ และบอกว่า "เธอไม่ได้เป็นคนแย่อย่างที่เธอบรรยายมานะ เธอเป็นคนที่มีความสามารถ เธอมีคุณค่านะ

ส่วนงานน่ะ เชื่อว่าไม่มีอะไรยากหรอก ลองเลือกสักอันมาทำให้เสร็จ ๆ ไป ไม่เสร็จก็ไม่เป็นไรนะ แต่ลองทำดูก่อน"

ต้องสู้

พอได้กำลังใจ ก็ "กัดฟัน" ฮึดสู้อีกครั้งหนึ่ง เราต้องไม่แพ้ เรายังมีลมหายใจ ยังไงเราก็ต้องสู้ต่อ

พอทำงานได้สำเร็จไปชิ้นหนึ่ง กำลังใจมันก็เริ่มกลับมา ชิ้นที่หนึ่งเสร็จ ชิ้นที่สองเสร็จ ไปเรื่อย ๆ กำลังใจมันก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเราภูมิใจในงานของเรา แม้มันอาจจะไม่มีคุณค่าอะไรสักเท่าไหร่ แต่มันก็มีคุณค่าทางจิตใจของตัวเองอย่างมาก

ซึ่งตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นโรคซึมเศร้า... แต่พอได้มาพูดคุยกับเพื่อน เพื่อนก็บอกว่า "อ้าว ไม่รู้เหรอว่าคนท้องส่วนมากจะมีโอกาสเป็นโรคซึมเศร้านะ เพราะฮอร์โมนเปลี่ยน" ก็ถึงบางอ้อเลยว่า เราเป็นโรคซึมเศร้านั่นเอง โดยมีฮอร์โมนเป็นตัวกระตุ้น และสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ที่เก็บเข้ามาทำให้สถานการณ์มันแย่ลง

ก็เลยได้รู้จักและเข้าใจว่าโรคซึมเศร้ามันเป็นอย่างไร

อาการของเราก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่มันไม่ได้หายไปทันทีนะ มันค่อย ๆ ดีขึ้น ต้องคอยให้กำลังใจตัวเองทุกวัน

แล้วมันก็มาอีก...

งานเยอะ ไม่ได้พักเลยสักวัน ทำงานเคร่งเครียดสุด ๆ ทุกวัน เหนื่อยมาก แต่หยุดไม่ได้ เพราะเวลา ปัญหาของงาน ทุกอย่างมันค้ำคออยู่

พอมีเวลาที่ไม่ต้องรีบทำอะไรแล้ว ก็หยุด... หยุด... แบบไม่อยากทำอะไรอีกแล้ว ขอพัก เหนื่อย เกิดอาการเซ็ง นอนหลับตา คิดเรื่อยเปื่อย แล้วคิดหนึ่งก็ป็อบขึ้นมาจากในหัว

ความตายคืออะไร

มันน่าจะคือความสงบ เราควรจะยินดีกับความตายหรือไม่ เราควรจะเตรียมพร้อมกับความตายหรือไม่

แล้วถ้าเรากระโดดจากระเบียงจะเป็นอย่างไร การเข้าสู่ความตายมันน่ากลัวจริงหรือไม่...

เข้าลูปเดิม หงุดหงิดง่าย ทะเลาะกับสามีกับเรื่องไม่เป็นเรื่องอีกแล้ว

แต่คราวนี้ฉันรู้แล้ว

เอาล่ะ... เป็นโรคซึมเศร้าอีกแล้ว เพราะความเครียดสะสม และไม่ได้พักนั่นเอง วันหยุดที่จะถึง ก็จัดให้ตัวเองพักก็แล้วกัน งานไม่ด่วนก็รอก่อนนะ ขอพักนิดนึง

แล้วมันก็ดีขึ้นจริง ๆ

บทสรุป

เมื่อเกิดความเบื่อหน่าย ขี้เกียจ คิดว่าตัวเองแย่มาก จงลุกขึ้นมาให้กำลังใจตัวเองโดยเร็ว หาอะไรที่ทำให้ตัวเองมีความสุข คิดว่าตัวเองก็มีคุณค่านะ คิดถึงสิ่งดี ๆ ที่เราเคยทำ แล้วพาตัวเองออกมาจากห้วงแห่งความซึมเศร้าให้เร็วที่สุด

ไม่มีอะไร "ฆ่า" เราได้ และไม่มีใคร "ช่วย" เราได้ นอกจาก "ตัวเราเอง"

ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนค่ะ 💗🌼




Comments

Popular posts from this blog

Microsoft Visio: How to set default font

LINE: Change the contact name

Microsoft Word: Make picture background to be transparent